บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก ธันวาคม, 2020

ความแตกต่างระหว่าง maid และ housekeeper แบบย่อ

รูปภาพ
  ความแตกต่างระหว่าง maid และ housekeeper 1. maid    / meɪd / (US) เป็นคำนามที่มีความหมายหลัก ๆ 2 ความหมายตามพจนานุกรม Cambridge Dictionary ดังนี้ 1.1 maid  /meɪd/ (US) - a servant in a hotel or in someone's home = แม่บ้าน/ลูกจ้างในโรงแรม หรือบ้านขนาดใหญ่ที่มีหน้าที่ดูแลทำความสะอาด ...ในอดีต maid หมายถึง สาวรับใช้/สาวรับใช้ทำความสะอาด และมักจะถูกมองว่าเป็นงานระดับชนชั้นล่าง (lower class job / working class) แต่ปัจจุบันนี้ งานทำความสะอาดได้รับการยกย่องมากขึ้น เป็นงานที่มีเกียรติ  ทั้งนี้ ยังมีหลายคำที่สามารถใช้แทนคำว่า maid ได้ เช่น housemaid / maidservant / cleaner ขึ้นอยู่กับบริบทและความนิยมในการเลือกใช้คำของสถานที่นั้น ๆ มันมีบริบทวัฒนธรรมของคนและของสังคมนั้น ๆ มาเกี่ยวข้องด้วย เช่น สังคมยุคสมัยวิกตอเรีย (Victorian era) ของสหราชอาณาจักร maid ทำงานบ้านทุกอย่าง (Typical domestic chores) เช่น ซักรีดผ้า ทำอาหาร กวาดบ้าน ให้อาหารสัตว์ เป็นต้น ในขณะ maid ตอนนี้เป็น servant ผู้ให้บริการ ที่มาจากรากของคำว่า serve = บริการ (บางโรงแรมใช้คำนี้ attendant) ไม่เจาะจงว่าต้องทำงานความสะอาดที่บ้า

Difference between "too much" and "so much" with noun

รูปภาพ
Basically, "too" means "more than necessary", often used to place before "much" and "many" with a noun.  As for "so" (e.g., so much and so many with a noun), it is used as an intensifier (emphasis), which emphasizes a very large quantity of something. Here're my examples of "too much" and "so much" in short: 1. You eat "too much" food. = You overeat it, and it is not good for your health since it makes your organs work harder. You need to cut down on it or keep it balanced. 2. I have "so much" money.  In this sentence, "so much" means "a lot of" as an intensifier (e.g., so, very, etc) and a quantifier (e.g., a lot of, much, many, etc), so you can either use "so much" or "a lot of" before the noun "money".  It is not right to say that "I have very much money", even if "very" and "so" can be interchangeably used in m

ข้อควรระวัง: การใช้ Population และ Sample ในงานวิจัย

รูปภาพ
  Population and (research) Sample -ขอบคุณภาพ: https://www.donotedit.com/how-to-find-a-good-research-topic/ Population and (research) Sample ส่วนใหญ่เรามักเรียกติดปากว่า ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้ผิดอะไรหรอกครับ แต่นักวิธีวิทยาการวิจัย (methodologists) นิยมใช้คำว่า 'ตัวอย่าง' หรือ 'ตัวอย่างวิจัย' แทน เพราะเราไม่ได้เล่น cluster หรือ sample groups ดังนั้น sample เฉย ๆ จึงนิยมเรียกว่า ตัวอย่าง ส่วนประชากร หรือ population เราไม่นิยมใส่ในงานวิจัยสมัยใหม่ แต่ถ้าจะใส่ให้ได้ก็ให้ระวังไว้ด้วยครับ เพราะ population มีในลักษณะที่เป็น hypothetical population ด้วย และหากเป็นงานวิจัยประเภท simulation เราจะไม่เรียกว่า population แต่เราจะเรียกย่อๆว่า DGP (data generating process) แทนครับ ข้อมูลจาก: เฟสบุ๊คของ ดร.นพดล มโนสุทธิ https://www.facebook.com/profile.php?id=10001351554149

ความแตกต่างระหว่าง Analysis กับ Synthesis โดยทั่วไป

รูปภาพ
ก่อนอื่นจะขอพูดเกี่ยวกับรากศัพท์ หรือ ที่มาของคำ (word origins) ก่อน เริ่มจากคำว่า analysis ซึ่งคำนี้มีความหมายตรงกันข้ามกับ synthesis คำว่า analysis เป็นคำยืมในภาษาละตินยุคกลาง (Medieval Latin) โดยรากศัพท์ที่แท้จริงมาจากภาษากรีกโบราณ ( ἀνάλυσις ) กลายเป็นว่า คำในภาษากรีกโบราณหลายคำถูกยืมไปใช้แบบไม่คืนในภาษาละตินมากมาย เช่น analysis  ซึ่งเดิมทีใช้ในความหมาย  "solution of a problem by analysis" คือ การแก้ไขปัญหาโดยการวิเคราะห์จุดปลีกย่อย/องค์ประกอบ เน้น แยกแยะออกเป็นส่วนต่าง ๆ  ("break-up")  สอดคล้องกับงานของ Aristotle ที่ใช้กริยา "to analyze" ที่มาจาก  ana-  มีความหมายคือ  ทั่วถึง/ให้หมด/ถึงที่สุด/ทั้งหมด  ("up, back, throughout") บวกกับ  - lysis  หมายถึง การผ่อน/การคลาย/การคลี่ออก/การแยกอออก ("loosening") มาจาก  lyein  ที่หมายถึง แกะออก/คลายออก/ถอดออก/แยกออก ("to unfasten") ซึ่ง lyein มาจากรากศัพท์ของภาษาโปรโต - อินโด - ยูโรเปียน  ( Proto-Indo-European root) คือ  leu-  หมายถึง คลี่ออก/แบ่งออก/แยกออก ("to loosen, divide,