บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก 2021

สรุปเรื่องของเธอ (her)โดยย่อ

รูปภาพ
  ประเด็นร้อน! (ที่มาข่าว: https://www.sanook.com/campus/1407555/) สรุปเรื่องของเธอ (her)โดยย่อ ในภาษาอังกฤษ "her" เป็นตัวหนึ่งที่จัดอยู่ใน 2 ประเภทนี้คือ  1. Possessive adjectives ***บางตำราเรียกว่า possessive determiners ที่เรียกแบบนี้เพราะเขามอง her เป็นตัววางหน้านาม (determiner) ที่แสดงความเป็นเจ้าของ (possessive) เลยเรียกง่าย ๆ ว่า possessive determiner*** เช่น my, his, her, their, your ส่วน possessive adjectives อาจจะเรียกง่าย ๆ ว่า "คุณศัพท์เชิงแสดงความเป็นเจ้าของ" เหตุที่เรียกว่า "คุณศัพท์" (adjective) เพราะ her ทำหน้าที่เหมือนกับคำคุณศัพท์ เนื่องจากคุณศัพท์จะมีตำแหน่งสองตำแหน่งหลักคือ วางหน้านาม (ขยายคำนาม เช่น good + boy) กับวางหลัง linking verbs โดยเฉพาะ verb to be เช่น He is good. ดังนั้น her ในบริบทนี้ต้องวางหน้าคำนามเพื่อบอกว่าอะไรที่เป็นของเธอ เช่น Her car... / Her boyfriend... เป็นต้น  หมายเหตุ: ตำราส่วนใหญ่มักใช้คำว่า possessive adjectives มากกว่า possessive determiners แต่ไม่ว่าจะเรียกคำไหน ก็สามารถใช้ได้ทั้งสอง  2. Object pronouns เรียกเ

Tangible Things

รูปภาพ
The tangible things I have now are pencils, pens, books, bottles of water, cups, glasses, and more. In response to the question, I have selected a pen as a tangible thing. One fact is that most people tend to look at the surface of an object without looking deeply into it.  Photo: https://www.chopard.com/intl/accessories/pens This is not only a pen but a symbol of leadership, especially in the business context. A pen might be viewed as a symbol of business leadership as we commonly see businesspeople using their pen to sign documents, write something down, take note of something, and even teach something to someone.  In the eyes of people in all well-paid professions, a pen might be viewed as a symbol of trust since all important documents, letters, emails, and other finance-related papers need to be signed using a pen.  In the category of technology, a pen might be viewed as a sign of its technological advance since it is associated with technological devices such as iPad and Samsung

เกร็ดความรู้เกี่ยว determiners โดยย่อ

รูปภาพ
เกร็ดความรู้เกี่ยว determiners  ในภาษาอังกฤษจะมีตัวที่วางหน้าคำนามเรียกแบบกว้าง ๆ ว่า determiners แต่ determiners นั้นแบ่งย่อยเป็น 4 ประเภทหลักคือ  1. Articles เช่น a, an, the... (a car, an artist, the house) 2. Demonstratives เช่น this, that, these, those...  (this car, that car, these cars, those cars) 3. Possessives เช่น my, your, their, his, her... (my car, your car, their cars, his car, her car) 4. Quantifiers เช่น a little, a lot of..., some, some of..., much, many...เป็นต้น (some friends, a little sugar, a lot of money, much time, many people) ทั้ง 4 ประเภทข้างต้นใช้วางหน้าคำนามหมดเลย แต่ในหนังสือจะเน้นแค่ประเภทที่ 4 คือ quantifiers คำที่บอกปริมาณมาก-น้อยที่วางหน้าคำนาม ในหนังสือมี quantifiers หลัก ๆ ดังนี้  1. few/a few + นามนับได้ในรูปพหูพจน์ เช่น Few/A few people can speak more than five languages.  2. enough + คำนามนับได้ในรูปพหูพจน์/หรือคำนามที่นับไม่ได้ เช่น  2.1 I have enough money.  money = นามนับไม่ได้ 2.2 There are enough desserts for everyone now.  desserts = นามนับได

LGBTQIA+ (โดยย่อ)

รูปภาพ
ภาพ: https://themomentum.co/fashion-pride-lgbtq-plus/ ก่อนอื่น ผมต้องบอกก่อนว่า ผมเป็น M = Man นะครับ แต่ผมคิดว่า ความหลากหลายทางเพศเป็นเรื่องปกติในโลกสมัยใหม่ครับ ทุกคนมีอิสระภาพที่จะเป็นเพศอะไรก็ได้ครับ สิ่งที่สำคัญคือ เราต้องเรียนรู้ เข้าใจ และปรับตัวอยู่กับความหลากหลายเหล่านี้ให้ได้ เนื่องจากเราทุกคนเป็นพลเมืองโลก (Global Citizen) กันทั้งนั้น มีความเป็นมนุษย์เหมือนกันทุกคน  เดือนมิถุนายนถือว่าเป็นเดือนแห่งความภาคภูมิใจของชาวชุมชน LGBTQIA+ ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า Pride Month = June is Pride Month ที่แสดงผ่านสัญลักษณ์ " ธงรุ้ง" หลังจากเหตุการณ์ที่ตำรวจบุกจับกุมชาย 5 คน ที่บาร์เกย์ย่านกรีนวิชวิลเลจ นิวยอร์ก (Greenwich Village) ในวันที่ 28 มิถุนายน 1969 จนปีต่อมาเกิดเหตุการณ์ประท้วงครั้งใหญ่ของกลุ่มผู้ที่มีความหลายหลากทางเพศที่มหานครนิวยอร์ก และลามไปในเมืองใหญ่ ๆ โดยใช้ชื่อการประท้วงว่า "Pride"  จนท้ายที่สุด กลุ่มผู้ที่มีความหลายหลากทางเพศก็ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการครั้งแรกในสมัยประธานาธิบดี บิล คลินตัน ประกาศให้เดือนมิถุนายนเป็น Gay and Lesbian Pride Month ในปี 1

ภาพประกอบรางวัลส่วนตัว

รูปภาพ
 

Seven alternatives to "celebrity" (someone famous)

รูปภาพ
  ในภาษาอังกฤษมีหลายคำที่ใช้เรียกบุคคลที่มีชื่อเสียง หลัก ๆ มีอยู่ 7 คำ ดังนี้ 1. Celebrity เรียกย่อ ๆ อย่างไม่เป็นทางการว่า celeb หรือ slep (UK) ก็ได้ แต่ slep ไม่ค่อยเป็นคำยอมรับใช้กัน *ส่วนใหญ่ celebrity จะใช้เรียกคนดังในวงการบันเทิง แต่จริง ๆ แล้วเป็นคำทั่วไปที่ใช้เรียกใครก็ได้ที่ดังและมีชื่อเสียง  2. Star เป็นคำที่ใช้เรียกบุคคลที่มีชื่อเสียงมาก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงการบันเทิง ส่วนคำว่า superstar เป็นคำที่มีความหมายไม่ต่างกัน แต่ถ้าเป็น superstar (higher level of fame) ก็จะเหนือกว่าคำว่า star ไปอีกขั้นหนึ่ง  3. Legend เป็นคำที่ใช้เรียกบุคคลที่มีชื่อเสียงที่ได้รับการ ชื่นชม และ ถูกพูดถึง จากคนส่วนมาก ในภาษาไทยเรียกว่า ตำนาน  4. Phenomenon เป็นคำที่ใช้เรียกบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่งยวดในด้านใดด้านหนึ่ง ยากที่จะมีใครสักคนสามารถทำสิ่งนั้นได้ เรียกว่า เป็นปรากฏการณ์ เป็นคนมหัศจรรย์ เช่น อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein), Michael Jackson, Noam Chomsky เป็นต้น  บางครั้ง เราอาจจะใช้คำว่า king หรือ queen แทนคำว่า phenomenon ก็ได้ เช่น Michael Jackson ถูกยกย่องให้เป็น King of Pop 5.

การใช้ Can แบบย่อ

รูปภาพ
  การใช้ can โดยทั่วไป สื่อความหมายถึง 6 ความหมาย คือ permission, ability, general truths, possibility, requests และ offers ดังนี้ 1. Can your students use dictionaries during the examination? Yes, they can. No, they can't.  Can ในบริบทนี้สื่อความหมาย permission ...อนุญาตให้นิสิตคุณใช้พจนานุกรมได้ไหม  2. I can sing English songs. ในที่นี้ can สื่อถึง ability ความสามารถ เพราะต้องใช้ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ หรือความพยายามมากในการทำสิ่งนั้น  3. Slippery roads can be dangerous. บริบทนี้ can สื่อถึงความจริงทั่วไป truth คือ ถนนลื่น = อันตราย  4. We can go to London in March because both of us have a week off work. ในบริบทนี้ can  สื่อถึงความน่าจะเป็นไปได้ possibility ที่จะได้ไปเที่ยวลอนดอน เพราะเป็นช่วงสัปดาห์หยุดงานพอดี  5. Can I have your surname? Can บริบทนี้สื่อความหมาย request ขอร้อง แสดงถึงความต้องการอะไรบางอย่างเชิงขอร้อง  6. Can I help you with your luggage? Can บริบทนี้สื่อความหมาย offer คือ การเสนอตัวเองช่วยใครบางคนทำอะไรบางอย่าง  สรุป Can มีความหมายหลัก ๆ 6 ความหมาย ขึ้นอยู่กั

เหมือนกันหรือแตกต่างระหว่าง have got กับ have (แบบย่อ)

รูปภาพ
  การใช้ has/have got = has/have โดยสรุป ...has/have got ไม่เป็นทางการ นิยมใช้ในภาษาพูด ส่วน...has/have เป็นทางการ (ใช้ในรูป present simple tense เสมอ) แต่ทั้งสองใช้สื่อความหมายเหมือนกัน ดังนี้  1. ทั้ง ..has/have got..  และ has/have... ใช้สื่อความหมายเกี่ยวกับ possession, relationships, characteristics และ illness ขึ้นอยู่กับบริบท ดังนี้  1.1 Our hotel has got a lot of rooms.  Has the hotel got a lot of rooms? Yes, it has. No, it hasn't. it = the hotel / our hotel = Our hotel has a lot of rooms. Does the hotel have a lot of rooms?  Yes, it does. / No, it doesn't. it = the hotel / our hotel สื่อความหมายว่ามีอะไรบางอย่าง เป็น possession   1.2 We have got close relationships with clients of ages. = We have business relationships with clients of ages.  สื่อความหมายถึง relationship คือ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าทุกวัย   1.3 She has got a chocolate habit. = She has a chocolate habit.  สื่อถึง characteristics ว่า เธอชอบของหวานช็อกโกแลต 1.4 She has got a heart attack. = She has a he

ความแตกต่างของ No, None, None of ... แบบย่อ

รูปภาพ
ความแตกต่างของ No, None of, None แบบย่อ ก่อนอื่น เราต้องทราบว่า No กับ None of ... เป็นตัววางหน้าคำนาม (Determiner) เพื่อสื่อถึงปริมาณ/จำนวนว่ามากหรือน้อยเพียงใด เช่น 1. No + singular/plural noun + singular/plural verb No one loves football. ไม่มี ใครชอบฟุตบอลเลย  * เมื่อเราใช้ No เป็นตัววางหน้านาม กริยาที่ตามมาสามารถเป็นได้ทั้งเอกพจน์และพหูพจน์ขึ้นอยู่กับบริบท เช่น No dogs are allowed in this area. สังเกตว่าคำนาม dogs เป็นคำนามนับได้อยู่ในรูปพจน์ ตัวกริยาที่ตามมาจึงเป็นพหูพจน์ด้วย คือ are (ในไวยากรณ์เรียกว่า subject-verb agreement) จะดูเป็นธรรมชาติกว่าที่จะพูดว่า No dog is allowed in this area. เราต้องมองความเป็นจริงทั่วไปว่า dogs นั้นมีหลายตัว ไม่ได้มีตัวเดียวแน่นอน ดังนั้น การใช้ No dogs... จึงเป็นธรรมชาติกว่า  เปรียบเทียบกับประโยคนี้ คือ No Thai star has won the Nobel Peace Prize. สังเกตว่าในประโยคนี้ Thai star เป็นคำนามที่นับได้แต่ใช้ในรูปเอกพจน์ ตัวกริยาที่ตามมาจึงเป็น has... จะดูเป็นธรรมชาติกว่าการใช้คำนามนับได้ในรูปพหูจน์ คือ No Thai stars have won the Nobel Peace Prize.  ค